เมื่อลูกเติบโตและข้ามผ่านช่วงวัยทารกมาสู่การเป็นเด็กวัยหัดเดิน นอกจากพัฒนาการทางร่างกายที่มีการเคลื่อนไหวร่างกายที่คล่องแคล่วมากขึ้นแล้ว อีกหนึ่งพัฒนาการสำคัญที่เกิดขึ้นในช่วงวัยเดียวกันก็คือลูกเริ่มหัดพูด และเข้าใจบทสนทนาที่คุณพ่อคุณแม่คุยด้วยได้บ้าง ดังนั้นลูกจะมีพัฒนาการด้านภาษาและการพูดดีขึ้น ส่วนหนึ่งก็ขึ้นอยู่กับการส่งเสริม เลี้ยงดู และวิธีง่ายๆ เช่น การพูดคุยกับลูกของคุณพ่อคุณแม่นั่นเอง
ถึงคุณพ่อคุณแม่จะพอทำใจได้ว่า เด็กกับความดื้อและซุกซนเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่เมื่อได้เจอความดื้อและซนในแบบของลูกตัวเองแล้วละก็ ต้องมีเผลอเหนื่อยใจกันบ้าง เพราะคงไม่ดีแน่ถ้าจะปล่อยให้ลูกทั้งดื้อและซน ห้ามปรามอะไรไม่ได้ และเริ่มหาทางไม่เคารพกฎหรือไม่ทำตามข้อตกลงมากขึ้นเรื่อยๆ
เจเนอเรชั่นอัลฟ่า (Generation Alpha) หมายถึงเด็กที่เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 จนถึงปัจจุบัน เด็กเจนฯ นี้เกิดและเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีที่เป็นเหมือนปัจจัยพื้นฐานในการดำเนินชีวิต คุ้นเคยกับความสะดวกและรวดเร็ว จนทำให้เป็นเด็กที่มีนิสัยใจร้อนและอดทนรอคอยไม่เป็นได้ง่าย
การเลี้ยงลูกแต่ละช่วงวัย ก็เต็มไปด้วยความยากง่ายที่แตกต่างกันตอนที่ลูกยังเล็กหรือเป็นทารก การดูแลอาจจะยากเพราะไม่สามารถสื่อสารกันด้วยคำพูด คุณพ่อคุณแม่ก็ไม่เข้าใจความต้องการของลูก ส่วนลูกก็ไม่รู้จะบอกความต้องการของตัวเองออกมาได้อย่างไร แต่เมื่อลูกโตขึ้น วัย 1-4 ขวบ เป็นช่วงวัยที่ลูกจะเริ่มเข้าใจและสื่อสารความต้องการของตัวเองกับคุณพ่อคุณแม่ได้ แต่เดี๋ยวก่อน! พอสื่อสารได้แล้วแทนที่จะพูดกันรู้เรื่อง กลับกลายเป็นลูกดูไร้เหตุผลมากกว่าตอนเล็กกว่านี้เสียอีก
คุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินลูกน้อยบ่นว่าปวดหัว จนร้องไห้งอแงบ้างไหมคะ และแทบทุกครั้ง ลูกน้อยก็จะไม่สามารถอธิบายให้คุณพ่อคุณแม่เข้าใจลักษณะอาการและสาเหตุของอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นได้
ทุกพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ที่มีต่อลูก ย่อมออกมาจากความรักและความหวังดีที่มีให้ลูกน้อย แต่คุณพ่อคุณแม่เคยสังเกตไหมคะว่า พฤติกรรมหรือการกระทำบางอย่างของคุณพ่อคุณแม่ ถึงจะเต็มไปด้วยความหวังดี แต่หากไม่ระวังหรือทำซ้ำกับลูกมากเกินไป แทนที่จะเป็นผลดี กลับเป็นการขัดขวางพัฒนาการของลูกแทน