กว่าสองปีแล้วที่นักอ่านรุ่นเล็ก (และรุ่นใหญ่) ชาวไทยได้รู้จักกับสองตัวละครสุดเพี้ยน ตาตุและปาตุ ผ่านหนังสือเล่มไม่หนาเท่าไหร่ แต่ทำไมถึงได้อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวขวนหัว จินตนาการที่ชวนประหลาดใจ คิดได้ยังไงเนี่ย กลายเป็นกระแสบอกต่อกันในหมู่เด็ก จากเล่มแรก สู่เล่มที่สอง และล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ หนังสือชุด ตาตุและปาตุ ก็เพิ่งได้แปลและตีพิมพ์เป็นภาษาไทยเป็นเล่มที่สี่ (บวกกับอีกหนึ่งสมุดกิจกรรม) เป็นที่เรียบร้อย
ในยุคที่อุปกรณ์เทคโนโลยีอยู่ในมือของเด็กๆ ได้ง่าย การที่เด็กๆ จะเข้าถึงสื่อและข้อมูลในอินเทอร์เน็ตก็ทำได้ง่ายมากขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะพยายามปิดกั้นหรือป้องกันอย่างดีแค่ไหนก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจว่าอาจมีสถานการณ์ที่ไม่คิด เช่น ลูกสามารถเข้าถึงสื่อหรือภาพลามก ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเกิดขึ้นได้เสมอ
หน้าที่เลี้ยงดูลูก เป็นงานที่สร้างทั้งความเหนื่อยและความสุขให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้ในเวลาเดียวกัน สิ่งสำคัญก็คือการดูแลภาวะจิตใจและอารมณ์ของคุณพ่อคุณแม่ ไม่ให้เหนื่อยและเครียดมากจนไม่มีเวลาที่จะมีความสุขอย่างที่ควรเป็น
คุณพ่อคุณแม่ทุกคนคงจะเคยมีวันที่ลูกแสนน่ารักของเราเกิดอยากจะออกฤทธิ์ออกเดช เปลี่ยนจากเด็กว่านอนสอนง่ายกลายเป็นเด็กดื้อแสนซน ใครพูดอะไรก็ไม่เชื่อ ห้ามอะไรก็ไม่ฟังขึ้นมาเฉยๆ
ช่วงวัยก่อนเข้าโรงเรียนของลูก คือช่วงเวลาที่โลกแห่งการเรียนรู้ของลูกเริ่มเปิดกว้างมากขึ้น เพราะลูกเริ่มโตพอที่จะมี เพื่อนที่เจอกันในเพลย์กรุ๊ป เพื่อนในหมู่บ้านเดียวกัน ญาติพี่น้องที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน และเมื่อลูกพบว่าโลกนี้มีเด็กอื่นๆ อีกมากมาย สังคมเล็กๆ ของลูกที่ไม่ได้มีตัวเองเป็นเด็กเล็กอยู่คนเดียวก็เกิดขึ้น
สำหรับเด็กๆ แล้วจะมีอะไรสำคัญไปกว่าการเล่น จริงไหมคะ? เพราะการเล่นคือการเปิดโลกแห่งการเรียนรู้ที่ทำให้เด็กๆ ได้สำรวจ ค้นพบ และต่อยอดจินตนาการของตัวเองออกมาเป็นความคิดสร้างสรรค์ที่มีคุณค่าต่อการเติบโตต่อไป