ในยุคที่การพาลูกออกไปนอกบ้านสักครั้งทำเอาคุณพ่อคุณแม่ค้องคิดหนัก เพราะไหนจะเชื้อโรค ไหนจะสภาพอากาศ แต่พอลูกต้องอยู่แต่ในบ้าน ก็กลายเป็นกังวลเพิ่มไปอีก ว่าลูกจะขาดกิจกรรมโลดโผน ไม่ได้ออกกำลังกาย หรือไม่ได้เล่นจนเลอะเทอะถึงอกถึงใจไปหรือเปล่า
การเรียนรู้ไม่มีจุดสิ้นสุด ยิ่งสำหรับเด็กๆ แล้ว การเรียนรู้เกิดขึ้นได้ทุกที่ เกิดได้จากทุกอย่างรอบตัว ไม่ว่าเป็นการสำรวจด้วยตัวเอง จากเลี้ยงดูของคุณพ่อคุณแม่ และการสอนจากคุณครูที่โรงเรียน
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่า เมื่อลูกน้อยเริ่มมีอาการคันเหงือก เพราะฟันกำลังขึ้น ให้คุณแม่เริ่มนึกถึงการเลิกขวดนมได้เลย เพราะขวดนมจะยับยั้งการเจริญเติบโตของฟันลูกน้อย แต่โดยทั่วไปแล้ว ช่วงวัยที่เหมาะสมกับการฝึกลูกให้เลิกใช้ขวดนมที่สุดคือเมื่อลูกอายุ 1 ขวบ หรือไม่เกิน 1 ขวบครึ่ง เพราะเป็นวัยที่ลูกสามารถหัดดื่มหรือจิบน้ำจากถ้วยหัดดื่มหรือแก้วเองได้
การเป็นพ่อแม่ยุคนี้ ถึงแม้จะมีชุดข้อมูลทั้งจากคุณหมอและผู้เชี่ยวชาญให้ค้นคว้าหาความรู้มากมายไปหมด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้อยู่ดีว่า ทฤษฎีความรู้ที่คิดว่าแน่นอน พอถึงเวลาก็ต้องนำมาปรับมาประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์และพื้นฐานการเลี้ยงดูของแต่ละครอบครัวถึงอย่างนั้น เราเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมพยายามทำหน้าที่เลี้ยงดูและส่งเสริมลูกในทุกด้านอย่างเต็มความสามารถ แต่ระหว่างทางก็อาจมีบ้างที่เกิดความไม่แน่ใจว่า วิธีการเลี้ยงดูที่ตัวเองทำอยู่นั้นถูกต้องหรือเหมาะสมกับลูกจริงๆ หรือเปล่า
ปัญหาเด็กชอบกรี๊ดพบมากในช่วงวัย 1-3 ปี สาเหตุส่วนใหญ่ก็มาจากการที่เขาถูกขัดใจบ้าง หงุดหงิดบ้าง และเมื่อลูกโตขึ้นพฤติกรรมการเอาแต่ใจและกรี๊ดก็จะลงน้อยลง แต่ทั้งนี้ การรับมือกับการกรี๊ดของลูกก็สำคัญ เพราะอาจส่งผลให้ลูกยึดเอาการกรี๊ดเป็นหนึ่งในวิธีเอาชนะคุณพ่อคุณแม่ต่อไปและส่งผลเสียในระยะยาวได้
M.O.M ได้มีโอกาสคุยกับคุณครู John Sheffield คุณครูประจำวิชาคณิตศาสตร์ระดับชั้น Year 3 (ประถมศึกษาปีที่ 2) โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี ซิตี้แคมปัส (Shrewsbury City Campus) ผู้ที่เข้าสู่ความเป็นครูด้วยความตั้งใจที่อยากจะทำให้วิชาคณิตศาสตร์เป็นเรื่องสนุก เพื่อให้เด็กๆ ตื่นตัวอยากเรียนรู้ จนกลายเป็นวิชาโปรด เหมือนที่คุณครูเคยรู้สึกแบบนั้นในวัยเรียน เขาจึงคิดหาแนวทางใหม่ๆ มาใช้ในชั้นเรียนอยู่เสมอ
เพื่อสุขภาพที่ดีและการเติบโตที่ไม่มีโรคร้ายเข้ามารบกวน เด็กทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับวัคซีนพื้นฐานให้ครบตามคำแนะนำของคุณหมอ แต่ปัญหาก็คือ ประสบการณ์ฉีดวัคซีนครั้งแรกในชีวิตมักจะเป็นความทรงจำที่แสนเจ็บปวดของลูกน้อย (ก็ร้องลั่นโรงพยาบาลขนาดนั้น!) พอรู้ว่าจะต้องไปหาคุณหมอและฉีดวัคซีนครั้งต่อไป ไม่ทันได้ออกจากบ้านลูกก็ร้องไห้งอแงสุดฤทธิ์ การฉีดวัคซีนของลูกจึงกลายเป็นงานยากของแม่ไปโดยปริยาย
ภาวะ Selective Mutism (SM) เป็นภาวะที่อยู่ในกลุ่มของโรควิตกกังวลที่พบได้ในเด็ก อาการคือเด็กที่ปกติพูดได้ แต่จะไม่ยอมพูดในบางสถานการณ์หรือบางสถานที่ เช่น ลูกไม่ยอมพูดกับใครที่โรงเรียน หรือไม่ยอมพูดเมื่ออยู่นอกบ้าน โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่และคนที่ไม่คุ้นเคย แต่เมื่ออยู่ที่บ้านก็สามารถพูดกับคนในครอบครัวได้ปกติ
หน้าที่ของคนเป็นพ่อแม่ ถือเป็นงานที่ท้าทายความสามารถไม่เว้นแต่ละวัน เพราะคนเป็นพ่อแม่ต้องรู้จักเรียนรู้และปรับตัวให้ทันการเติบโตและพัฒนาการของลูก ลูกที่ว่าเลี้ยงยากเข้าใจยากตอนที่เป็นทารก พอโตขึ้นในวัยหัดเดิน ถึงแม้จะสามารถสื่อสารกันเข้าใจมากขึ้น แต่ธรรมชาติของช่วงวัยที่กำลังอยากรู้อยากเห็น อยากทดลอง ตื่นเต้น และพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทั้งตื่นเต้นกับการเรียนรู้ของลูก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องคอยหาทางรับมือและกุมขมับให้กับความดื้อรั้นที่เต็มเปี่ยมของลูกไปด้วย
คุณพ่อคุณแม่บางคนอาจเข้าใจว่าความเป็นส่วนตัวหรือความรู้สึกต้องการพื้นที่ส่วนตัวจะเกิดขึ้นเมื่อลูกเป็นวัยรุ่นแล้วเท่านั้น แต่ความจริงแล้วคุณพ่อคุณแม่ไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงวันนั้นค่ะ เพราะการให้พื้นที่ส่วนตัวกับลูกและเคารพความเป็นส่วนตัวของลูกสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ลูกยังเป็นเด็กเล็ก เพราะเด็กเล็กย่อมต้องการพื้นที่และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้
- ← Previous Page
- 1
…
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
…
- 148
- Next Page →