พอลูกเริ่มเข้าวัยอนุบาล หรือช่วงอายุ 2-5 ขวบ คุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มเห็นว่าลูกเริ่มเป็นเด็กหัวร้อน ขี้โมโห โวยวาย เอาแต่ใจ ร้องไห้เสียงดัง ขว้างและปาข้าวของ
เวลาที่ลูกหงุดหงิด ไม่พอใจ และไม่ได้ดังใจ คุณพ่อคุณแม่หลายคนน่าจะเคยเห็นอาการ ลูกควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ และแสดงออกเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว โมโหร้าย เอาแต่ใจ และอาละวาดเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ตัวต้องการ
เด็กวัยเตาะแตะ อาจมีพฤติกรรม เดินสะดุด เดินหกล้ม ชนของ ชนนั่นชนนี่ ทำข้าวของหล่น ตกแตกเสียหาย หรือเรียกง่ายๆ ก็คือคุณพ่อคุณแม่รู้สึกว่า ลูกซุ่มซ่าม
เมื่อคุณพ่อคุณแม่เริ่ม อยากมีลูกคนที่สอง นอกจากการเตรียมความพร้อมให้คุณพ่อคุณแม่เองแล้ว สิ่งที่ไม่ควรลืมเลยก็คือ การเตรียมตัวเตรียมใจลูกคนแรก
มีคุณพ่อคุณแม่ไม่น้อยที่กำลังต้องเผชิญปัญหา ลูกติดโทรศัพท์มือถือ แม้ว่าจะพยายามหลีกเลี่ยงและหาทางแก้ไข แต่สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตก็เป็นเครื่องมือสำคัญในการเรียนรู้ของเด็กในปัจจุบันอยู่ดี
ทั้งที่พยายามเลี้ยงดูและคอยเตือนคอยสอนให้ลูกรู้ว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ เพราะอยากให้ลูกเป็นที่รักของทุกคน แต่บางทีลูกก็ยังแสดงพฤติกรรมไม่น่ารักออกมา จนคุณพ่อคุณแม่อดสงสัยไม่ได้ว่าลูกไปเอานิสัยไม่ดีมาจากไหน
โรคสมาธิสั้น หรือ Attention Deficit Hyperactivity Disorder (ADHD) คือ ภาวะผิดปกติทางจิตเวช ที่ทำให้เด็กขาดความสามารถในการควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวเอง ทำให้มีลักษณะคล้ายเด็กซุกซน เพราะอยู่นิ่งไม่ได้ ไม่มีสมาธิ วอกแวกตลอดเวลา ไม่ค่อยโฟกัสหรือตั้งใจฟังเมื่อมีคนพูดด้วย รวมถึงการมีทักษะและพัฒนาการปรับตัวให้เข้ากับสังคมน้อยกว่าคนอื่น
โรคย้ำคิดย้ำทำ หรือ OCD (obsessive-compulsive disorder) เป็นหนึ่งในปัญหาจิตเวชที่สามารถเกิดขึ้นกับเด็กๆ และสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับคุณพ่อคุณแม่ไม่น้อย ถึงแม้อาการของโรคย้ำคิดย้ำทำจะไม่รุนแรงหรือเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ก็ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเข้าสังคม การเรียนรู้ และสร้างพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์ได้
‘โรคขาดธรรมชาติ’ อาจเป็นชื่อโรคที่คุณพ่อคุณแม่หลายคนได้ยินแล้วรู้สึก เอ๊ะ… มีแบบนี้ด้วยเหรอ อาจเพราะเป็นอาการที่เหมือนจะถูกคิดไปเองและนิยามไปเอง แต่ความจริงแล้วโรคนี้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด และมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นกับเด็กๆ ของเรามากขึ้นในอนาคต
ปัจจุบันหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต เป็นสิ่งที่ใกล้ชิดและอยู่ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่เด็กๆ ก็จำเป็นที่จะต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้ในการเรียนรู้ ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่ละเลยหรือปล่อยให้ลูกใช้เวลากับอุปกรณ์เหล่านี้มากเกินไปและผิดวิธี ย่อมไม่เป็นผลดีกับลูก